บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Volvo S60 DRIVe 1.6L ราคา


Volvo S60 DRIVe 1.6L  ราคา
สำหรับรุ่น S จะมาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ประกบยาง 215/50R17 ขณะที่รุ่น B เป็นล้ออัลอยด์ 16 นิ้ว ยาง 215/55R16 ส่วนของความบันเทิงในรุ่น S จะติดตั้งหน้าจอขนาด 7นิ้ว พร้อมสะท้อนภาพด้านหลังขณะถอยจอด ทั้งยังเล่นแผ่น DVD ได้ ขณะที่รุ่น B จะเป็นหน้าจอขนาด 5 นิ้ว เล่นได้เพียง CD และไม่มีกล้องส่องหลังช่วยจอด อย่างไรก็ตามทั้งสองรุ่นจะให้ช่องต่ออุปกรณ์ภายนอก USB AUX ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบเสียงแบบ High Performance Multimedia (Level 3) 4×40 วัตต์ ขับด้วยลำโพง 8 ตัว เป็นมาตรฐาน
ด้านระบบความปลอดภัยอย่างระบบตรวจจับคนเดินถนนพร้อมระบบเบรกแบบเต็มแรงเบรก (Pedestrian Detection with Full Auto Brake) และระบบควบคุมความเร็วรถแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชั่นหยุด/ออกตัวรถอัตโนมัติ และระบบแจ้งเตือนระยะห่างจากรถคันหน้า (Adaptive Cruise control with Queue Assist and Distance Alert – ACC) จะมาเฉพาะรุ่น S เท่านั้น
โดยระบบตรวจจับคนเดินถนนพร้อมเบรกแบบเต็มแรงเบรก จะประกอบด้วยเรดาร์ที่ติดตั้งอยู่บนกระจังหน้าของรถ กล้องที่ติดอยู่ด้านหลังของกระจกมองหลัง และกล่องควบคุมระบบ เรดาร์มีหน้าที่ตรวจจับภาพมุมกว้าง 60 องศาทางด้านหน้ารถว่ามีวัตถุอยู่ในรัศมีหรือไม่ และวัดระยะห่างจากวัตถุนั้น ส่วนกล้องก็จะยืนยันว่าวัตถุนั้นเป็นโครงสร้างของมนุษย์ คือ มีศีรษะ ลำตัว แขน ขา หรือไม่ โดยที่เรดาร์สามารถตรวจจับได้กระทั่งคนที่เพิ่งจะก้าวลงมาบนถนน ทำให้สามารถตรวจจับรูปแบบการเคลื่อนไหวของคนเดินถนนนั้นได้ด้วย ระบบนี้ติดตั้งเป็นมาตรฐานและทำงานเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่า 35 กม./ชม.
ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้ขับขี่จะได้ยินเสียงสัญญาณเตือนพร้อมกับเห็นไฟกระพริบที่หน้าปัดด้านบนของกระจกหน้ารถ สัญญาณเตือนเหล่านี้จะมีลักษณะคล้ายไฟเบรกเพื่อกระตุ้นให้ผู้ขับขี่มีปฏิกิริยาทันที ขณะเดียวกันระบบเบรกก็จะชาร์จเตรียมไว้ หากผู้ขับขี่ไม่เหยีบเบรกเมื่อได้ยินและเห็นสัญญาณเตือน แต่ระบบคำนวณว่าจะเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ ระบบหยุดรถแบบเต็มแรงเบรกจะทำงานทันที
ส่วนระบบควบคุมความเร็วรถแบบแปรผัน จะแจ้งเตือนระยะห่างจากรถคันหน้า ช่วยให้ผู้ขับทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัยในทุกระดับความเร็วจนถึง 200 ก.ม./ช.ม. ขณะเดียวกันช่วงการจราจรที่เคลื่อนตัวช้าที่ระดับความเร็วต่ำกว่า 30 ก.ม./ ช.ม. ฟังก์ชั่นหยุดรถและออกตัวรถอัตโนมัติจะปรับระดับความเร็วของรถให้พอดีกับคันหน้า จากรถที่หยุดอยู่กับที่ เพียงกดปุ่มหรือเหยียบคันเร่ง ก็สามารถขับตามคันหน้าได้อย่างนิ่มนวล และถ้าใช้ความเร็วสูงกว่า 30 ก.ม./ช.ม. ก็สามารถตั้งความเร็วรถที่ต้องการและช่วงระยะวลาน้อยที่สุดที่รถจะวิ่งไปถึงคันหน้า ระบบจะปรับความเร็วให้สอดคล้องกับคันหน้าได้โดยอัตโนมัติ หรือแสดงไฟเตือนถ้าเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป
นั่นเป็นสองออปชันความปลอดภัยที่จัดมาให้ต่างกัน แต่ในส่วนของระบบอื่นๆยังคงมีเพียบตามมาตรฐานวอลโว่ อาทิ ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ (City Safety) ระบบเตือนจุดบอดด้านข้างรถ (Blind Spot Information system – BLIS) ระบบป้องกันรถคว่ำ (Rollover Protection System – ROPS) รวมถึงโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่ง พร้อมระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง (Side Impact Protection System – SIPS) และถุงลมนิรภัยด้านข้างที่นั่ง ม่านนิรภัยด้านข้าง (Inflatable Curtain) และระบบปกป้องการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอและหลังที่เกิดจากการสะบัดของศีรษะ (Whiplash Protection System – WHIPS)
…จะเห็นว่าแค่ระบบความปลอดภัย หยิบยกมาพูดทั้งวันก็ไม่จบ ดังนั้นเวลาขับวอลโว่ เอส 60จริงๆ แล้วเปิดระบบทุกอย่างครบ ต้องบอกว่าคุณจะได้ตื่นตัว ตื่นเต้นตลอด เพราะมีทั้งแสง สี เสียง เตือนอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญยังคอยนั่งลุ้นระบบต่างๆว่าจะเตือนหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร…ซึ่งใครขับ เอส60 แล้วยังเกิดอุบัติเหตุได้ คงต้องยอมรับในฝีมือ หัวใจ หรือไม่ก็เป็นคนเมาจนขาดสติ
สำหรับความรู้สึกในการขับขี่ แทบไม่ต่างจากรุ่น CBU ที่วางเครื่องยนต์ 2.0 หรือถ้าเทียบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่เดิมทำได้ 8.2วินาที แต่พอมาเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เทอร์โบ 180 แรงม้า ก็ยังทำได้ 9 วินาที โดยจังหวะออกตัวยังมีอาการดึง มีแรงกระชากแบบหลังติดเบาะเล็กๆ แต่ย่านความเร็วกลาง (50-80 กม./ชม.)อาจจะต้องบี้คันเร่งลงไปหนักหน่อยและรอจังหวะให้เทอร์โบบูสสัก 1-2 วินาที จากนั้นพอรอบทะลุ 3,000 -3,500ไปแล้วก็พุ่งกระฉูด
อย่างไรก็ตามเมื่อขับขี่ทางไกล อาจรู้สึกว่าพลังเครื่องยนต์จะมาแบบไม่ค่อยนุ่มเนียนเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีย์3 หรือเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส ที่วางเครื่องยนต์เบนซินในพิกัด 2.0 ลิตร และ 1.8 ลิตรตามลำดับ นี่ไม่ต้องพูดถึงรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่ส่งแรงได้แบบต่อเนื่องและสมูทกว่ามาก
ด้านพวงมาลัยน้ำหนักเบา ระยะสั่งงานดูจะขาดๆเกินๆ หลายครั้งควบคุมไม่ได้ดั่งใจและไม่สัมพันธ์กับความเร็วรถ ต้องอาศัยเวลาในการปรับตัวพอสมควร ขณะที่ช่วงล่างก็พยายามเซ็ทมาให้สปอร์ตกว่าวอลโว่รุ่นเดิมๆ รวมถึงรุ่นพี่ เอส 80 อยู่นิดๆ ซึ่งในภาพรวมสามารถรองรับได้ทั้งอารมณ์นุ่มนวล และให้ความนิ่งหนึบในการขับความเร็วสูง
ขณะเดียวกันเมื่อรวมกับการเซ็ทน้ำหนักแป้นเบรกและจังหวะการตอบสนองของเบรกอย่างลงตัว ตลอดจนสุดยอดของการเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกแล้ว วอลโว่ เอส60 ให้ความมั่นใจในการขับขี่เป็นมาก
ปิดท้ายด้วยอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ย วอลโว่เคลมว่าทำได้ 13.9 กม./ลิตร แต่ถ้าใช้แก๊สโซฮอล์ อี85 จะได้ตัวเลข 10.3 กม./ลิตร
ขอบคุณบทความจากผู้จัดการครับ
http://www.manager.co.th/motoring/viewnews.aspx?NewsID=9550000056249

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น