ความรู้เกี่ยวกับระบบเบรครถยนต์
หน้าที่ของเบรคคือการหยุดรถ หรือทำให้การเคบื่อนไหวของรถช้าลงตามความต้อง
การตลอดเวลาขับขี่ ฉะนั้นเบรคจึงต้องทำการหยุดรถได้แน่นอนและ รวดเร็วตลอดเวลาเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุทางทรัพย์สินและชีวิต
การตลอดเวลาขับขี่ ฉะนั้นเบรคจึงต้องทำการหยุดรถได้แน่นอนและ รวดเร็วตลอดเวลาเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุทางทรัพย์สินและชีวิต
เบรคในปัจจุบันนี้นิยมใช้กันอยู่ 2 ประเภท
1. ดรัมเบรค เป็นระบบเบรครุ่นเก่าที่ยังมีใช้อยู่ในรถเก๋งบางรุ่น ในส่วนของดรัมเบรคจะมีลักษณะเป็นแผ่นเบรคสองแผ่นดันบริเวณกระทะเบรคเพิ่ม ความเสียดทาน เพื่อช่วยในการหยุดรถ หรือชะลอรถ การใช้ดรัมเบรคจะใช้ครบทั้ง 4 ล้อในตอนแรก และล้อมั้ง 4 ล้อในวงจรเบรคจะทำงานอย่างสัมพันธ์กัน
2. ดิสก์เบรค เป็นระบบเบรคที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน อาจจะเป็นระบบดิสก์เบรคทั้ง 4 ล้อ หรือเบรค 2 ล้อหน้าเป็นดิสก์เบรค 2 ล้อหลังเป็นดรัมเบรค ระบบ การทำงานของดิสก์เบรคจะแยกทำงานกันคนละส่วนเป็นอิสระต่อกัน ระบบนี้เป็นระบบในรถรุ่นใหม่ รถรุ่นเก่ายังคงเป็นระบบที่ทำงานร่วมกัน
หลักใหญ่ที่จะทำให้เบรคมีประสิทธิภาพคือน้ำมันเบรคเป็นส่วนสำคัญนับจากชิ้นส่วนอื่นๆที่ใช้ร่วมกัน ในระบบเบรคระดับของน้ำมันเบรคจะมีส่วนคล้าย กับระบบของน้ำมันเครื่อง คือต้องพยายามคอยดูแลไม่ให้ลดลงกว่าระดับมาตรฐานที่วางไว้ ต้องคอยเช็กอยู่เสมอ
น้ำมันเบรคนี้จะมีขายอยู่ตามปั้มน้ำมันทั่วไป คุณภาพในแต่ละยีห้อนั้นใกล้ เคียงกัน อยู่ที่ว่าต้องการยี่ห้อไหนหรืออาจใช้ตามมาตรฐานของคู่มือรถที่ให้มา ก็ได้ นับว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด
การตรวจสอบและเติมน้ำมันเบรค
น้ำมันเบรคเป็นส่วนประกอบสำคัญอันหนึ่งในการเบรค ฉะนั้นจึงควรตรวจ สอบให้อยู่ในระดับที่พอดีเสมอ หากปล่อยให้น้ำมันเบรคแห้งหรือรั่วไหลออกไป จนหมดหรือ เหลือน้อยการเบรคอาจไม่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ขั้นตอนการเติมน้ำมันเบรค
1. เปิดฝากระโปรงรถยนต์
2. ถ้วยน้ำมันเบรคจะติดอยู่บริเวณชิดกับตัวถังรถในส่วนที่ติดกับกระจก ให้เช็กระดับของ น้ำมันเบรคในถ้วยว่าอยู่ในระดับไหน ถ้าระดับน้ำมันเบรคอยู่ MAX ไม่ต้องเติมน้ำมันเบรค MIN ต้องเติมน้ำมันเบรคให้ถึงเส้น MAX
ห้ามเติมน้ำมันเบรคเกินระดับ MAX เพราะจะทำให้น้ำมันเบรคกระฉอกเวลารถวิ่ง ซึ่งน้ำ มันเบรคจะทำปฏิกิริยากับสีรถหรือบริเวณใกล้เคียงให้เสียหายได้
3. ก่อนเปิดฝาน้ำมันเบรคให้เช็ดทำความสะอาดบริเวณฝาปิด-เปิด ให้สะอาดเพื่อป้องกันเม็ดทรายหรือละอองต่างๆตกลงไป ซึ่งอาจทำใหระบบเบรคเสียหายได้
4. เติมน้ำมันเบรคลงไปในถ้วยตามระดับในข้อที่ 2
5. ปิดฝาให้เรียบร้อย อย่าลืมก่อนปิดฝาต้องทำความสะอาดบริเวณฝาปิดถ้วยน้ำมันเบรคด้วย
มีรถยนต์รุ่นเก่าบางรุ่น ถ้วยน้ำมันเบรคจะติดอยู่บริเวณหัวเก๋งด้านคนขับก็ใช้วิธีการเติม แบบเดียวกัน
2. ถ้วยน้ำมันเบรคจะติดอยู่บริเวณชิดกับตัวถังรถในส่วนที่ติดกับกระจก ให้เช็กระดับของ น้ำมันเบรคในถ้วยว่าอยู่ในระดับไหน ถ้าระดับน้ำมันเบรคอยู่ MAX ไม่ต้องเติมน้ำมันเบรค MIN ต้องเติมน้ำมันเบรคให้ถึงเส้น MAX
ห้ามเติมน้ำมันเบรคเกินระดับ MAX เพราะจะทำให้น้ำมันเบรคกระฉอกเวลารถวิ่ง ซึ่งน้ำ มันเบรคจะทำปฏิกิริยากับสีรถหรือบริเวณใกล้เคียงให้เสียหายได้
3. ก่อนเปิดฝาน้ำมันเบรคให้เช็ดทำความสะอาดบริเวณฝาปิด-เปิด ให้สะอาดเพื่อป้องกันเม็ดทรายหรือละอองต่างๆตกลงไป ซึ่งอาจทำใหระบบเบรคเสียหายได้
4. เติมน้ำมันเบรคลงไปในถ้วยตามระดับในข้อที่ 2
5. ปิดฝาให้เรียบร้อย อย่าลืมก่อนปิดฝาต้องทำความสะอาดบริเวณฝาปิดถ้วยน้ำมันเบรคด้วย
มีรถยนต์รุ่นเก่าบางรุ่น ถ้วยน้ำมันเบรคจะติดอยู่บริเวณหัวเก๋งด้านคนขับก็ใช้วิธีการเติม แบบเดียวกัน
การดูแลรักษาระดับน้ำมันเบรคและเติมน้ำมันเบรคให้ดูทุกๆ 3 วัน อย่าทิ้งให้นาน เพราะปริมาณน้ำมันเบรคจะลดลงในการใช้งานทุกครั้งจึงต้องหมั่นดูแล
ข้อควรระวัง น้ำมันเบรคสามารถทำปฏิกิริยากับสีรถได้ ฉะนั้นเมื่อทำหกหรือหยดลงบริเวณตัวถังรถรีบเช็ดให้แห้งทันที อย่าปล่อยไว้เพราะจะทำให้สีถลอก ได้ และห้ามวางขวดน้ำมันเบรคบนฝากระโปรงรถอย่างเด็ดขาด
น้ำมันเบรคควรจะมีการเช็กถึงคุณสมบัติ เมื่อรถยนต์วิ่งได้ประมาณ 10,000 กิโลเมตร และเช็กทุก 10,000 กิโลเมตร จนถึง 40,000 กิโลเมตร จึงถ่าย น้ำมันเบรคเก่าออกแล้วเติมน้ำมันเบรคใหม่ลงไปแทนที่
น้ำมันเบรคควรจะมีการเช็กถึงคุณสมบัติ เมื่อรถยนต์วิ่งได้ประมาณ 10,000 กิโลเมตร และเช็กทุก 10,000 กิโลเมตร จนถึง 40,000 กิโลเมตร จึงถ่าย น้ำมันเบรคเก่าออกแล้วเติมน้ำมันเบรคใหม่ลงไปแทนที่
สำหรับในส่วนของผ้าเบรค จากเบรคนั้น ยกให้เป็นหน้าที่ของช่างตรวจสภาพเมื่อครบตามเวลาหรือระยะทางที่กำหนดมาให้ในคู่มือรถยนต์ เพราะเป็นส่วน ที่ไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง
เบรคมือคือเบรคที่ใช้ช่วงรถจอดสนิทหรือขณะที่รถขึ้นสะพานแล้วรถติดหรือทางลาดชันและรถติดอีกเช่นกัน ระบบเบรคมือนี้จะเป็นกลไกที่จะไปล็อกล้อ หลัง ไม่ให้เคลื่อนที่
เบรคมือจะอยู่บริเวณเกียร์ คืออยู่ถัดจากเกียร์ลงมาทางด้านหลังในกรณีของรถเก๋ง และอยู่บริเวณข้างพวงมาลัยรถในกรณีของรถบรรทุกเล็กและรถตู้
การดูแลรักษาเบรคมือไม่มีอะไร เพราะไม่มีส่วนที่ต้องคอยดูแล เพียงแต่เมื่อใส่เบรคมือแล้วเวลาจะออกรถอย่าลืมปลดเบรคมือด้วย จะสังเกตได้จากไฟ เบรค ซึ่งจะทำระบบเบรคทางล้อหลังเสียได้ แต่รถยนต์บางรุ่นถ้ารถไม่ได้ปลดเบรคมือรถยนต์จะไม่วิ่งจนกว่าจะปลดเบรคมือให้เรียบร้อยเสียก่อน
การใช้เบรคมือที่มีตำแหน่งอยู่บริเวณใต้พวงมาลัยให้ด้ามจับเบรคมือขึ้นมาจนสุดเช่นกัน แล้วหมุนไปทางขวาสูงสุด เวลาปลดก็ให้หมุนมาทางซ้ายและกด เช่นกัน
เรื่องน่ารู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเบรค
เบรคแบบดิสก์หรือแบบจานจะมีประสิทธิภาพการเบรคได้ดีกว่าเบรคแบบดรัม หรือแบบกระทำรถโดยทั่วไป นิยมใช้เบรคทั้งสองร่วมกันเพื่อป้องกันปัญหา ที่ระบบเบรคเกิดเสียขึ้นมาส่วนใดส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ยังสามารถทำงานได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น